วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ขนม....​ความ.....รัก....

ขนม....​ความ.....รัก....



คนญี่ปุ่นช่างคิด ช่างทำ สร้างและรักษา วัฒนธรรม ของตัวเอง  ลงรายละเอียด ทุกอย่างมี เรื่องราวเบื้องหลังหมด.
แยกเรื่องราวลงไปในระดับท้องถิ่น  จังหวัด ภาค ต่างๆ.

แล้วก็พยายาม เก็บรักษา พัฒนาสิ่งที่ดี ๆ. แต่ก็ไม่ละทิ้งรากเหง้าของตัวเอง ความเชื่อต่างๆ
แม้แต่ขนม..​
แต่ละอย่างก็สร้างเรื่องราวที่มา และ วิธีการนำไปใช้. จะทานกันในฤดูไหน วันไหน ถ้าเป็นคำพูดสมัยใหม่ก็คือ การส่งเสริมการขาย การตลาดแบบหนึ่ง

แล้วขนมไทยล่ะ
ขนมไทย เด็กรุ่นหลัง เรียกขนมไทย อยู่สองชื่อ มี ชื่อ ไอ้นี่ กับไอ้นั่น
เวลาแม่ค้าถาม ก็บอก เอาไอ้นี่  ถ้าไกลหน่อย ก็เอาไอ้นั่น. ..​

ประวัติไม่ต้องพูดถึง ..​ชื่อยังไม่รู้จัก
ส่วนการจะได้รับการสนับสนุนนั้น ....​ เฮ้ออ. ยุคนี้แค่ทำขนมให้ขายได้ไปวันๆ เอาให้รอด ก็ดีแล้ว

ก็คงจะคิดกันได้แค่นี้

ภาคบ้าน ภาควัด จะช่วยในการสร้างวัฒนธรรม ที่สวยหรูอะไรอย่างไงคงคิดกันไม่ออก

ก็น่าสงสารเหมือนกัน ที่สิ่งที่บรรพบุรุษ บรรพสตรี ไทยได้เพียรสร้างสมไว้ จะไม่เหลือไว้ในรุ่นต่อไป

เกริ่นมาซะยืดยาว


วันนี้ ไปเจอบทความที่พยายามสร้างเรื่องราว ของขนมครกมา  อ่านแล้วก็ น่ารักดี
ก็ลองอ่านดู

วันหน้าใครทานขนมครก แล้วน้ำตาไหล จะได้ทราบว่า ไม่ใช่เพราะลืมเป่ามัน แต่ะเพราะมันมีที่มา



//////////////////////. เริ่ม /////////////////



ประวัติของขนมครก
ไอ้กะทิ หนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย  แอบมีความรักกับ หนูแป้ง สาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน  ทั้งคู่เจอกันวันลอยกระทง  และสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด ทั้งคู่ก็จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันชั่วฟ้าดินสลาย

ไอ้กะทิ ก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาสู่ขอลูกสาวจากผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธแถมยังโดนผู้ใหญ่ส่งชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือมาลอบทำร้าย  แต่ไอ้กะทิก็ไม่ว่ากระไร  มันพาร่างอันสะบักสะบอมกลับไปบ้าน นอนหยอดน้ำข้าวต้มซะหลายวัน  แต่ใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาสู่ขอหนูแป้งใหม่จนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน

ไอ้กะทิ ก็พังพินาศเมื่อผู้ใหญ่ยก หนูแป้ง ลูกสาวคนสวยให้แต่งงานกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้กะทิ รู้ข่าวจึงรีบกระเสือกกระสนหมายจะมายับยั้งการแต่งงานครั้งนี้  ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็วางแผนป้องกันไว้แล้ว  โดยขุดหลุมพรางดักรอไว้ แต่แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายเสียก่อน จึงลอบหนีออกมาหมายจะห้ามหนุ่มคนรักไม่ให้ตกหลุมพราง

คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม หนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดออกมาเพื่อดักหน้าไอ้กะทิ  ไอ้กะทิเห็นหนูแป้งวิ่งมาก็ดีใจทั้งคู่รีบวิ่งเข้าหากัน  ฉับพลัน!!...ร่างของหนูแป้งก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ฯผู้เป็นพ่อ  ต่อหน้าต่อตาไอ้กะทิ  อารามตกใจนายกะทิก็รีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเหลือหนูแป้ง  อารามดีใจสมุนชายฉกรรจ์ของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่  ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุมที่ทั้งคู่หล่นลงไป  เพราะคิดว่าในหลุมมีเพียงไอ้กะทิผู้เดียว ...

รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ขุดหลุมเพื่อดูผลงาน  แทบไม่เชื่อสายตาเบื้องล่างปรากฏร่างของ ไอ้กะทิตระกองกอดทับร่างหนูแป้งลูกสาวของตน  ทั้งสองนอนตายคู่กันอย่างมีความสุข  เมื่อรอยยิ้มถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตา  ผู้ใหญ่บ้านรำพึงต่อหน้าศพของลูกสาวว่า..

"พ่อไม่น่าคิดทำลายความรักของลูกเลย"

ตั้งแต่นั้นมาอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิ กับ แม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม  พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป"  ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม
"ขนมแห่งความรัก" หรือ ขนม คน-รัก-กัน ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า 'ขนม ค-ร-ก' นั่นเอง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑

สรุปว่า ทำดีๆ อีกหน่อย 14 กพ. ชาวโลกแจกชอคโกแลต.  ไทยเราก็ซื้อขนมครกมามอบให้กัน. ..​
ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น
ชื่นมื่น

วิ. 23 กพ.61

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น